การใส่เกลือในบ่อเลี้ยงปลาเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ และระบบเลี้ยงน้ำหมุนเวียน โดยมีประโยชน์หลายด้าน ทั้งด้านสุขภาพปลา ป้องกันโรค และปรับสภาพน้ำ — แต่ต้องใส่อย่างระมัดระวังและเหมาะสมกับชนิดปลา
✅ ประโยชน์ของการใส่เกลือในบ่อเลี้ยงปลา
-
ช่วยลดความเครียดของปลา
-
โดยเฉพาะตอนเปลี่ยนน้ำ, ย้ายปลา, หรือช่วงสภาพแวดล้อมเปลี่ยน
-
เกลือช่วยให้ปลาไม่ต้องทำงานหนักในการรักษาสมดุลเกลือภายในร่างกาย (osmoregulation)
-
-
ลดความรุนแรงของโรคปรสิตภายนอก
-
เช่น เห็บปลา ตัวหนอนสมอ จุดขาว ฯลฯ
-
เกลือช่วยลดจำนวนปรสิตโดยทำลายสมดุลของน้ำที่ปรสิตต้องการ
-
-
ช่วยสมานแผล ลดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
-
เกลือมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
-
-
ช่วยปรับค่าแอมโมเนียในน้ำ
-
เกลือสามารถลดพิษของแอมโมเนียอิสระ (NH₃) ที่เป็นอันตรายต่อปลา
-
📏 อัตราการใช้เกลือ (โดยประมาณ)
วัตถุประสงค์ | ปริมาณเกลือ (กรัม/ลิตร) | คำอธิบาย |
---|---|---|
ป้องกันโรคทั่วไป | 3–5 กรัม/ลิตร | หรือ 3–5 กิโลกรัมต่อ 1,000 ลิตรน้ำ |
กรณีปลาเครียด / เปลี่ยนน้ำ | 5 กรัม/ลิตร | ลดความเครียด ปรับ osmoregulation |
รักษาโรค (เฉพาะช่วงสั้น) | 10–20 กรัม/ลิตร (2–3 ชม.) | ใช้แช่เฉพาะ ไม่ใช่ใส่ทั้งบ่อ |
หมายเหตุ: ต้องละลายเกลือก่อนใส่บ่อทุกครั้ง และห้ามใช้ “เกลือผสมไอโอดีน” หรือเกลือโรงงานที่ใส่สารป้องกันจับตัวเป็นก้อน
⚠️ ข้อควรระวัง
-
ปลาบางชนิดไม่ทนเค็ม เช่น ปลาสอด ปลากัด → ต้องลดปริมาณเกลือลง
-
หากใส่มากเกินไป → ปลาอาจเสียชีวิตจากการช็อกเกลือ
-
ไม่ควรใส่เกลือบ่อยเกินจำเป็น เพราะทำให้จุลินทรีย์ดีในบ่อเสียสมดุล
🐟 ปลาที่นิยมใส่เกลือในบ่อ:
-
ปลานิล
-
ปลาทับทิม
-
ปลาช่อน
-
ปลาดุก
-
ปลาหมอ
-
ปลาคาร์ฟ (กรณีมีแผลหรือเครียด)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น